ยกกระชับหน้า วิธีไหนดีที่สุด ยกกระชับหน้าที่ไหนดี?
อาจเป็นเพียงระยะเวลาไม่นาน แต่เทคโนโลยีย้อนวัยให้ผิวก็ได้มีการพัฒนาขึ้นมาก และแม้จะยังไม่สามารถให้คำมั่นเรื่องลด
ริ้วรอยได้ถึงขั้นชะงัด แต่ในท้องตลาดก็มีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องอยู่มากมาย ไม่ว่าจะด้วยคุณสมบัติการฟื้นฟูสภาพผิว การสร้างผิวใหม่ หรือการย้อนวัยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ และการยกกระชับหน้า ต้องขอบคุณความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่ได้คิดค้นพลังงานแสงสุดวิเศษอย่างเลเซอร์ หรือสารฉีดเข้าผิวหนัง ที่ช่วยให้เราไม่ต้องรอเวลานับหกเดือนหรือเป็นปีสำหรับความเปลี่ยนแปลงด้านการยกกระชับที่จะเกิดขึ้นกับผิว แต่สามารถคาดหวังผลได้นะระยะเวลาสั้นๆ นวัตกรรมการแพทย์นี่เองที่ช่วยร่นเวลาความสวยจากที่ต้องรอนับสี่ห้าปีให้เหลือเพียงสามสิบนาที และดูเหมือนตัวเลขนี้กำลังจะย่นย่อลงเรื่อยๆอีกด้วย
เริ่มแรกที่เลเซอร์ด้านความงาม หรือการทำทรีทเมนต์กระชับผิวโดยใช้พลังงานแสงเผยตัวตนในวงการด้านความงามภายใต้แนวคิดที่ว่า “ยิ่งทำมากยิ่งดีมาก” มีการใช้พลังงานสูงเพื่อสร้างแผลในระดับเนื้อเยื่ออันจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างใหม่ของผิว แต่มีผลให้เกิดความเจ็บขณะทำ เมื่อเวลาผ่านไป ความจริงจากการวิจัยปรากฏขึ้นในทางตรงกันข้าม คือ ทำน้อยๆจะได้ผลดีกว่า การใช้พลังงานเพียงระดับต่ำจะช่วยกระตุ้นการผลิตเนื้อเยื่อผิวในระดับที่เหนือกว่าและรู้สึกสบายในขณะทำมากกว่าคลื่นวิทยุเพื่อความงาม คลื่นความถี่ RADIO FREQUENCY หรือ RF เป็นนวัตกรรมการยกกระชับที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะปลอดภัยและไม่เจ็บ ทำงานโดยการนวด พร้อมปล่อยพลังงานในช่วงคลื่นความถี่วิทยุ ในรูปของกระแส ไฟฟ้าอ่อนๆ ที่สามารถผ่านทะลุผิวชั้นบนเพื่อไปเพิ่มอุณหภูมิของผิวหนังในชั้นที่ลึกลงไป ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการไหลเวียน ของโลหิต น้ำเหลือง ของเหลวในร่างกาย และกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนรูปของพลังงานจากภายใน ทำให้อุณหภูมิในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง โดยมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 3° C- 5° C ซึ่งนับเป็นวิธีการที่ปลอดภัยสูง เพราะอุณหภูมิของร่างกายจะถูกกระตุ้นให้สูงขึ้นแต่ไม่เกิน 42° C ซึ่งการทำ RF จะส่งผลให้ระบบโลหิตบริเวณที่ได้รับการรักษาดีขึ้น หลอดเลือดขยายตัว ช่วยให้เลือดและน้ำเหลืองไหลเวียนได้ดีขึ้น โดยมีการขับของเสียออกมาในรูปของเหงื่อและระบบน้ำเหลือง โดยปกติจะพบว่า หลังจากที่ทำการรักษาเพียงครั้งเดียว ก็จะรู้สึกถึงผิวกระชับขึ้น ผิวเรียบเนียน สัดส่วนลดลง โดยการลดลงจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนังและชั้นไขมัน รวมทั้งอายุของผู้ทำการรักษาในแต่ละรายด้วย
ยกกระชับด้วยเลเซอร์
เลเซอร์ยกกระชับเป็นกระบวนการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยแสงอินฟราเรดที่จะนำความร้อนตรงลึกสู่ชั้นผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง อันจะทำให้เกิดการหดกระชับของผิวตามมา การกระชับผิวบริเวณใบหน้านั้นสามารถเห็นผลได้ชัดเจนทันทีหลังการทำ และไม่มีผลข้างเคียง จึงทำให้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การคงรูปอยู่ได้นานถึงสองหรือสามเดือน อย่างไรก็ตามจะเห็นประสิทธิภาพดีที่สุดเมื่อรับบริการการทำเลเซอร์ยกกระชับผิวสองถึงสามครั้งต่อเดือนอย่างต่อเนื่อง การทำเลเซอร์ผิวเป็นวิธีที่ได้รับการรับรองจาก FDA ว่าสามารถลดเลือนริ้วรอย ความหย่อนคล้อยของผิวได้ ซึ่งแม้จะไม่ได้ทำให้เห็นผลชัดเจนเหมือนอย่างโปรแกรมยกกระชับใบหน้าอื่นๆ แต่ผู้รับการรักษาก็ยังยินดีกับผลลัพธ์ อีกข้อดีของการทำเลเซอร์ผิวคือมีความปลอดภัย รวมถึงทำให้ผิวหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้จริง หลังการรักษาด้วยเลเซอร์ ผู้รับการรักษาสามารถที่จะใช้ชีวิตประจำวัน กลับไปทำงานหรือทำกิจกรรมอื่นได้ตามปกติ ในขณะที่ผลข้างเคียงนั้นก็มีน้อยมาก ผลข้างเคียงในทีนี้รวมถึง อาการบวม แดงของผิว ซึ่งโดยปกติแล้วจะหายไปได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมง
เผยผิวใหม่กระจ่างใส ด้วย Fractional CO2 Laser
เลเซอร์ที่ได้รับความนิยมอย่าง CO2 fractional laser นั้นเป็นการผสานประสิทธิภาพของคาร์บอนไดอ็อกไซด์เลเซอร์ ซึ่งเชื่อกันมานานว่าสามารถลดเลือนริ้วรอยได้จริง ร่วมกับนวัตกรรมใหม่ของการส่งผ่านพลังงานแสงอันทรงประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง ต้องเข้าใจก่อนว่า กระบวนการเสื่อมสภาพตามวัยโดยธรรมชาตินั้น ไม่ได้มีสาเหตุมาจากอายุเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเผชิญแสงแดด และมลภาวะ ซึ่งได้ทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว แสงเลเซอร์ที่ยิงเข้าไปจะส่งความร้อนที่สามารถทำให้มีการสร้างคอลลาเจนชั้นผิวหนังแท้เพิ่มขึ้นและทำให้เส้นใยอีลาสตินชั้นใต้ผิวจับตัวกันแน่นมากขึ้น จึงส่งผลให้ผิวหน้าเต่งตึง ริ้วรอยจางหายไป โดยเฉพาะริ้วรอยชั้นตื้นๆ Fractional CO2 เลเซอร์ จะช่วยเผยผิวใหม่โดยไม่ทำลายผิวชั้นบนสุด แต่ยังให้ผลลัพธ์ด้านการลดริ้วรอยและยกกระชับได้ภายในเวลาอันสั้น เพียงหนึ่งหรือสองครั้งของการรักษาแต่สามารถคงผลลัทธ์ที่น่าพอใจได้ไปอีกสามถึงห้าปี
การฉีดสารเติมเต็มและฉีดโบท็อกซ์
การฉีดสารเติมเต็มลดริ้วรอยนั้นได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นสูงหลังจากสารสี่ชนิดได้รับการรับรองในประสิทธิภาพและความปลอดภัยจาก FDA อเมริกา สารที่ว่านั้นคือ Perlane/Juvéderm/ Artifill /Radiesse และ Restylane โดยเป็นการใช้ตัวยาเพียงเล็กน้อยเพื่อเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก อย่างไรก็ตาม หารใช้สารเหล่านี้เพื่อยกหรือดึงผิวให้ตึงอาจมีผลทำให้แลดูไม่เป็นธรรมชาติ เพราะผิวที่แลดูอ่อนเยาว์ตามธรรมชาตินั้นอย่างไรก็มีความหย่อนคล้อยอยู่บ้างเล็กน้อย ฟิลเลอร์อย่าง Radiesse สามารถใช้บริเวณแก้มเพื่อเติมให้อิ่ม ในขณะที่ Juvederm มักฉีดบริเวณร่องแก้มเพื่อลดรอยย่นรวมถึงฉีดที่ริมฝีปากให้อิ่มตึง หนึ่งในเหตุผลที่สารเติมเต็มถูกนำมาใช้แพร่หลาย เพราะนอกจากจะได้ผลจริงแล้ว ยังมีความปลอดภัย สามารถใช้ได้กับทุกคน ไม่ว่าจะสำหรับผู้ที่อายุมากและมีปัญหาเรื่องริ้วรอยและความหย่อนคล้อย ไปจนถึงวัยหนุ่มสาวที่สามารถใช้เพื่อป้องกันปัญหาไว้ก่อนได้ อีกตัวอย่างของสารฉีด คือ โบท็อกซ์ ซึ่งมีหลักการทำงานคือทำให้กล้ามเนื้อมัดหรือบริเวณที่ฉีดเข้าไปเป็นอัมพาต เมื่อกล้ามเนื้อไม่สามารถขยับหรือหดตัวได้มันจึงคลายตัวออก ส่งผลให้ริ้วรอยย่นที่เกิดขึ้นจากการขยับหรือหดเกร็งของกล้ามเนื้อหายไปนั่นเอง และในระยะยาวยังช่วยให้ ริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ซ้ำๆ การเลิกคิ้วหรือทำหน้าบึ้งลดลงได้อีกด้วย
การรักษาด้วยเวชสำอาง
เวชสำอางเพื่อรักษาริ้วรอยนั้นเป็นที่นิยมใช้กันแพร่หลายนับจากมีการกล่าวอ้างในสรรพคุณอันหลากหลายของส่วนผสม ว่าทั้งมีประสิทธิภาพสูงและผลข้างเคียงน้อย โดยเซรั่มจะช่วยเติมอ็อกซิเจนให้ผิวหน้า เพิ่มความกระจ่างใสและความสมดุลผิว และยังสามารถช่วยลดเม็ดสีผิวส่วนเกินได้อีกด้วย อย่างเรตินอลครีมสามารถช่วยเพิ่มคอลลาเจน บำรุงผิวให้เรียบเนียน ในท้องตลาดปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากกว่าพันรายการที่อ้างสรรพคุณการลดริ้วรอยได้ ตั้งแต่ครีมลดริ้วรอย ครีมบำรุงผิวรอบดวงตา ไปจนถึงเจลยกกระชับ โดยมีตัวยาหลายประเภทที่ได้รับการกล่าวอ้างเช่นนั้น เช่น เทรตินอยด์ (เรติน เอ รีโนวา) เรตินอยด์ , อัลฟ่า ไฮดรอกซี่ เอซิด, เอสโตรเจน วิตามินซี และวิตามินอี เป็นต้น ซึ่งวิเศษมากถ้าตัวยาทั้งหมดนี้ได้ผลตามจริงอย่างที่โฆษณาเพราะนั่นหมายถึงการจ่ายเงินเพียงเล็กน้อยก็จะสามารถช่วยย้อนวัยไปได้เป็นสิบปีเลยทีเดียว แต่ในความจริงแล้ว มีเวชสำอางเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่รับรองด้วยงานวิจัยทางการแพทย์แล้วว่าสามารถลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย รวมถึงชะลอความหย่อนคล้อยได้จริง ในขณะที่ตัวยาส่วนใหญ่นั้นแม้รักษาได้ผลดีแต่ก็ยังไม่มีหลักฐานทางการวิจัยออกมายืนยันชี้ชัด รวมถึงบางตัวยาที่ทั้งไม่ได้ผลและไม่อาจรับประกันถึงความปลอดภัยได้ด้วย อย่างที่เรารู้กัน ว่าสกินแคร์ทั้งหลายในตลาดนั้น ไม่ใช่ทั้งหมดที่ผ่านการรับรองจาก FDA นี่จึงเป็นเรื่องที่ทางผู้ผลิตจะต้องไม่เพียงคำนึงถึงประสิทธิผลการรักษาแต่ต้องมีมีจิตสำนึกถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค ในทางกลับกัน ผู้บริโภคเองก็ต้องเลือกซื้อเลือกใช้สินค้าอย่างพิจารณาด้วยเช่นกัน
ยังมีมีเวชสำอางบางรายการที่อ้างสรรพคุณว่าทำงานคล้ายโบท็อกซ์ คือจะให้ผลชัดเฉพาะจุด โดยไม่ต้องพึ่งเข็ม และยังมีข้อมูลที่น่าสนใจว่า สองบริษัทผู้ผลิตเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ได้ทำการค้าขายร่วมกัน เพราะว่าตัวยาสำคัญของทั้งสองบริษัทนั้นสามารถทำงานได้ดีเมื่อใช้ร่วมกัน คำถามหนึ่งเกี่ยวกับอนาคตของเวชสำอางก็คือ ตัวยาเหล่านี้จะสามารถทำงานได้ดีลำพัง หรือเมื่อทำงานพร้อมส่วนผสมอื่น หรือถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยีอื่นๆหรือไม่ ตัวอย่างเช่น IPL ใช้สำหรับแก้ปัญหาสิวที่เกิดจากแบคทีเรียได้ ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่ดีและเห็นผลเร็วกว่าการใช้เวชสำอางอย่างเช่นซาลิไซลิคหรือเบนซอยล์เพร็อกไซด์แก้ปัญหาเพียงอย่างเดียวการรักษาด้วยแสงนั้นยังสามารถใช้ควบคู่ไปกับการใช้เวชสำอางเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพ ให้เห็นผลลัพธ์เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งการรักษาแบบนี้ยังคงดำเนินต่อไปรวมถึงได้มีการพัฒนาแผนงานใหม่ๆอยู่ตลอดด้วย
การแพทย์เพื่อความงามนั้นเป็นธุรกิจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและน่าตื่นเต้นเสมอ ผลวิจัยในเทคโนโลยีใหม่ๆเปิดเผยให้ได้รับทราบทุกวัน แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ แนวทางและเทคโนโลยีใหม่ๆด้านการชะลอวัยนั้นยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งและเราทุกคนก็ยังคงตื่นเต้นเสมอเพียงแค่นึกถึงว่า วันข้างหน้ายังมีอะไรใหม่ๆรออยู่