อะไรคือ  “ฝ้า”

สำหรับคนที่มีผิวหน้ากระจ่างใสต้องถือว่าเป็นเรื่องโชคดีเลยก็ว่าได้  เพราะไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนใครๆ ก็ต้องมองผิวหน้าคุณแบบเหลียวหลังด้วยความอิจฉากันได้เลย แต่ลองคิดดูว่า  ถ้าเกิดผิวหน้าของเรากลับมีบางช่วงที่สีผิวไม่สม่ำเสมอกัน  บางจุดก็เป็นผิวขาวใส  และมีบางจุดที่ผิวเป็นสีน้ำตาล  เรียกว่ามีสารพัดลายอยู่บนผิวหน้าของเรา  แล้วใครจะไปทนได้!! ไอ้เจ้าบริเวณที่ผิวเป็นสีน้ำตาลนั่นเองที่เรียกกันว่าฝ้า  แล้วฝ้าคืออะไร??  เกิดขึ้นมาได้อย่างไร??

ฝ้า  (Melasma)  เป็นความผิดปกติเม็ดสีเมลานินในผิวหนังที่ทำงานหนัก  จึงส่งเม็ดสีที่มีความเข้มขึ้นมาที่ผิวหนัง  ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีสีเข้มกว่าบริเวณโดยรอบ  ซึ่งฝ้านั้นจะปรากฎเป็นแผ่นสีน้ำตาลตั้งแต่สีอ่อนไปจนถึงสีเข้มอยู่บริเวณผิวหน้าของเรา  และมีขนาดตั้งแต่จุดเล็กๆ  ไปจนถึงแผ่นขนาดใหญ่

ฝ้ามีด้วยกัน 2 แบบ ดังนี้

  • ฝ้าแบบตื้น เกิดขึ้นในชั้นหนังกำพร้า  มีขอบเขตของฝ้าที่มองเห็นได้ชัดเจน  มีสีเข้มตั้งแต่สีออกดำไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม  รักษาได้ง่าย
  • ฝ้าแบบลึก เกิดขึ้นในชั้นหนังแท้ที่อยู่ลึกกว่า  มีขอบเขตของฝ้าไม่ชัดเจน  และมีสีที่อ่อนกว่าฝ้าแบบแรก  แต่รักษาได้ยากกว่า

นอกจากนี้ในบางคนก็พบว่า  สามารถเกิดฝ้าทั้ง 2 แบบนี้ได้บนผิวหน้าเดียวกัน  เรียกว่าเป็นฝันร้ายของสาวๆเลยก็ว่าได้

สาเหตุของฝ้าที่ควรรู้ไว้

ฝ้าที่เป็นปัญหากับใครหลายๆ คนนั้น  มีสาเหตุของการเกิดของโรคที่หลากหลายมาก  จึงต้องทำความเข้าใจไปทีละสาเหตุ  และพิจารณาด้วยตัวเองว่าฝ้าที่อยู่บนผิวหน้าของเรานั้นน่าจะมาจากสาเหตุใด  เพื่อจะได้ปรับพฤติกรรมของตัวเอง

  • แสงแดด แสงแดดถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้าได้มากที่สุด  โดยเมื่อเราสัมผัสกับแสงแดด  ผิวหนังจะสร้างเม็ดสีเมลานินที่มีสีเข้มขึ้นมาที่ผิวหนังเพื่อปกป้องเซลล์ผิวหนังจากรังสี UVA ที่เป็นอันตรายต่อผิว  แต่การสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานานจะทำให้เม็ดสีเมลานินทำงานหนักจนเกิดการผิดปกติและเกิดเป็นฝ้าได้
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน สำหรับบางคนที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในแต่ละช่วงเวลา  เช่น  สตรีที่อยู่ในช่วงระหว่างตั้งครรภ์  สตรีที่อยู่ในช่วงวัยทอง  (อายุ 40-45 ปีขึ้นไป)  ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนมีส่วนกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ทำให้เกิดฝ้าได้  ซึ่งก็ร่วมถึงความเครียดที่มีส่วนทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเกิดความผิดปกติ
  • กรรมพันธุ์ ฝ้านอกจากจะเกิดจากสิ่งที่มากระตุ้นจากภายนอกแล้ว  ยังเกิดได้จากการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์อีกด้วย  เช่น  ถ้าเรามีพ่อหรือแม่ที่เป็นฝ้า  ก็มีโอกาสที่เราจะเป็นฝ้าเช่นเดียวกัน  ซึ่งผู้ที่เป็นฝ้าเนื่องจากกรรมพันธุ์นั้นมีมากกว่า 30 – 50%  ทีเดียว
  • การใช้ยาหรือเครื่องสำอางบางชนิด สำหรับการใช้ยาหรือเครื่องสำอางบางชนิดก็อาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน  เช่น  ยาคุมกำเนิดที่ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง  ยาที่ใช้ในการรักษาอาการของโรคลมชัก  หรือยาที่มีผลต่อหัวใจและระบบประสาท  รวมถึงเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารให้กลิ่นหอม  หรือผสมสีที่เป็นอันตรายต่อผิว  ทำให้ผิวเกิดอาการแพ้และเป็นฝ้าได้
  • ภาวะทุพโภชนาการ เป็นลักษณะของการรับประทานอาหารที่ไม่ได้สัดส่วนที่เหมาะสมกับร่างกาย  ทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ  ส่งผลต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย  และเกิดผลข้างเคียงทำให้เป็นฝ้าได้  เช่น  ผู้ที่มีระบบการทำงานของตับผิดปกติ  หรือผู้ที่ขาดวิตามิน B12

ปรับพฤติกรรม  ทำความเข้าใจ  ก็ห่างไกลจากฝ้าได้

ฝ้าเป็นอาการที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เพราะเป็นอาการที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติในร่างกายของเราเอง  แต่อย่าคิดมากว่าถ้าเป็นฝ้าแล้วเราจะต้องอยู่กับมันไปตลอด  เพราะแม้ฝ้าจะไม่หายขาด  แต่เราก็สามารถดูและรักษาให้จางลงจนมองไม่เห็นได้

ดังนั้น  ถ้าเราเข้าใจถึงสาเหตุของฝ้าว่าเกิดจากอะไรแล้ว  เราก็สามารถปรับพฤติกรรมของเราให้ห่างไกลจากการเป็นฝ้าได้ไม่ยากนัก  เช่น

  1. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยก่อนใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ใดๆ กับผิวหน้าต้องทดสอบอาการแพ้ก่อน
  2. ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดทุกครั้งก่อนที่จะออกจากบ้านหรือออกไปกลางแจ้ง
  3. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามิน A , C และ E  ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ผิวของเราแข็งแรง  ป้องกันไม่ให้ฝ้าขยายตัวมากขึ้น
  4. รักษาอารมณ์ให้แจ่มใสไว้ เพราะหากเครียดอาจทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเกิดความผิดปกติ
  5. บำรุงผิวหน้าด้วยครีมบำรุงอยู่เสมอ เพื่อรักษาความชุ่มชื่นตามธรรมชาติ  ช่วยให้ผิวยืดหยุ่นอิ่มเอิบแข็งแรงขึ้น

รักษาฝ้าหลากวิธี

สำหรับคนที่มีปัญหาฝ้าบนผิวหน้าแล้ว  ปัจจุบันนี้มีหลากหลายวิธีที่สามารถแก้ไขปัญหาฝ้าให้กับเราได้  ตามแต่ความต้องการของแต่ละคน  ตัวอย่างเช่น

  • การใช้ครีมลอกฝ้าที่มีส่วนผสมของ TCA และ AHA ที่มีคุณสมบัติกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เป็นฝ้าของเราออกและผลักดันเซลล์ผิวใหม่ที่กระจ่างใสขึ้นมาแทน
  • การทำทรีทเมนต์เพื่อบำรุงผิวให้อิ่มเอิบ กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่  และช่วยลดเลือนฝ้า  ซึ่งมีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ  เช่น  การทำไอออนโตที่จะใช้กระแสไฟฟ้าขนาดอ่อนช่วยผลักดันให้วิตามินและตัวยาเข้าสู่ผิวไปแก้ไขปัญหาฝ้า  ช่วยให้ฝ้าดูจางลงได้
  • การกรอผิวหน้าหรือขัดผิวหน้าด้วยอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเร่งการขจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไวขึ้น  ซึ่งรวมถึงฝ้าที่เป็นปัญหาด้วย  แต่วิธีนี้จะต้องทำอย่างเบามือ  ถูกวิธี  และไม่ควรทำบ่อยครั้ง  เพราะจะทำให้ผิวหน้าบอบช้ำเกินไป
  • ใช้เลเซอร์รักษาฝ้า โดยอนุภาคของเลเซอร์ที่ยิงไปที่ผิวหน้าจะเข้าไปทำปฏิกิริยาความร้อนกับเม็ดสีเมลานินที่มีสีเข้มโดยเฉพาะฝ้า  ทำให้ฝ้าและเม็ดสีเมลานินที่สีเข้มถูกเผาไหม้และค่อยๆ จางหายไป ซึ่งเลเซอร์ที่นิยมใช้แก้ปัญหาฝ้านั้นมีหลายแบบ  เช่น  IPL , Fraxal  แต่การทำเลเซอร์เพื่อแก้ไขปัญหาฝ้านั้นจะมีผลข้างเคียงคือ  อาจทำให้ผิวมีความไวต่อแสงแดดมากขึ้น  และทำให้ผิวหมองคล้ำได้

อย่างไรก็ตาม  สิ่งที่จะทำให้ผิวหน้าของเราห่างไกลจากฝ้าได้ก็คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองให้ห่างไกลจากสาเหตุที่นำไปสู่ฝ้า อย่างเช่นออกแดดเป็นเวลานานๆนั่นเองค่ะ