Warning: Creating default object from empty value in /home/nitiponc/domains/nitiponclinic.com/public_html/wp-content/plugins/redux-framework/ReduxCore/inc/class.redux_filesystem.php on line 29

Warning: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at /home/nitiponc/domains/nitiponclinic.com/public_html/wp-content/plugins/redux-framework/ReduxCore/inc/class.redux_filesystem.php:29) in /home/nitiponc/domains/nitiponclinic.com/public_html/wp-content/plugins/all-in-one-seo-pack/app/Common/Meta/Robots.php on line 87

Warning: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at /home/nitiponc/domains/nitiponclinic.com/public_html/wp-content/plugins/redux-framework/ReduxCore/inc/class.redux_filesystem.php:29) in /home/nitiponc/domains/nitiponclinic.com/public_html/wp-includes/feed-rss2.php on line 8
Body and Whitening - Nitiponclinic https://nitiponclinic.com Nitiponclinic - Thailand No.1 Aesthetic Beauty Clinic Fri, 11 Aug 2023 04:07:57 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0.8 https://nitiponclinic.com/wp-content/uploads/2020/01/cropped-48423329_2245361355483302_5941264853678161920_o-32x32.jpg Body and Whitening - Nitiponclinic https://nitiponclinic.com 32 32 อยากผิวสวยต้องอ่าน ดริปวิตามินผิว ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล ? https://nitiponclinic.com/drip_vitamin/ Fri, 11 Aug 2023 03:42:40 +0000 https://nitiponclinic.com/?p=11294 อยากผิวสวยต้องอ่าน ดริปวิตามินผิว ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล […]

The post อยากผิวสวยต้องอ่าน ดริปวิตามินผิว ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล ? first appeared on Nitiponclinic.

]]>
อยากผิวสวยต้องอ่าน
ดริปวิตามินผิว ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล ?

ในปัจจุบัน มีเทคนิคเสริมความงามมากมายที่ช่วยปรับสภาพผิวของสาว ๆ ให้ขาวสดใสแลดูสุขภาพดี หนึ่งในนั้นคือการฉีดผิวขาว หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ ดริปวิตามิน นั่นเอง

แล้วทำไมการฉีดผิวขาว ถึงเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมขั้นสุดในขณะนี้ แล้วเทคนิคฉีดผิวขาวคืออะไร ปลอดภัยแค่ไหน เหมาะกับใครบ้าง มีข้อดีหรือประโยชน์อย่างไร รวมถึงต้องฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ?

และสำหรับใครที่กำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดผิวขาว มารวมกันตรงนี้เลย เพราะนิติพล คลินิก จะพาเพื่อน ๆ ไปเจาะลึกการดริปวิตามินผิวแบบรอบด้าน ก่อนที่จะตัดสินใจฉีดผิวขาวต่อไป

ฉีดผิวขาว คืออะไร ?

การฉีดผิวขาวหรือดริปวิตามินผิว (Intravenous Vitamin Therapy หรือ IV Drip) เป็นการฉีดวิตามิน กลูตาไธโอน หรือสารอาหารที่มีประโยชน์ ผ่านสายน้ำเกลือเข้าสู่หลอดเลือดดำโดยตรง เพื่อบำรุงผิวให้เรียบเนียน ดูขาวกระจ่างใส ซึ่งเทคนิคฉีดผิวขาวได้รับความนิยมอย่างแพรหลายจากข้อดีต่าง ๆ เช่น

  • ร่างกายสามารถดูดซับวิตามินไปใช้ได้แบบ 100% แตกต่างจากการทาครีมบำรุงผิวหรือการรับประทานวิตามินจากอาหารต่าง ๆ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ ที่ร่างกายจะดูดซึมไปใช้ได้เพียงบางส่วนเท่านั้น
  • ฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาสวยเนียนนุ่มในเวลาไม่นาน และเห็นผลได้อย่างชัดเจน
  • ช่วยเพิ่มระดับการต้านสารอนุมูลอิสระและเสริมคอลลาเจนให้เซลล์ผิวแข็งแรงยิ่งขึ้น
  • เทคนิคฉีดผิวขาวเหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

วิตามินที่นิยมใช้ฉีดผิวขาว มีอะไรบ้าง และมีประโยชน์อย่างไร

โดยทั่วไป การดริปวิตามินผิวจะมีส่วนประกอบต่าง ๆ ที่มีส่วนช่วยปรับสภาพผิวให้กลับมาสวยสดใส เนียนนุ่มน่าสัมผัส เช่น

  • วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) มีส่วนช่วยชะลอริ้วรอย สร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดขึ้นในร่างกาย และยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย
  • วิตามินบีรวม ประกอบด้วยวิตามินบีหลายชนิด เช่น Vitamin B1, B2, B5, B9 และ B12 ซึ่งวิตามินบีรวมมีคุณสมบัติฟื้นฟูบำรุงผิว ลดเลือดจุดด่างดำ ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ทั้งยังช่วยปลอบประโลมผิวให้กลับมาแข็งแรง คืนความอ่อนวัย
  • วิตามินเอ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ลดปัญหาผิวแห้งหยาบกร้าน และช่วยสร้างเซลล์เนื้อเยื่อใหม่ 
  • NAC (N-Acetyl Cysteine) ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ และช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์กลูตาไธโอนออกมาตามธรรมชาติได้ดีขึ้น ส่งผลให้ผิวดูใส เรียบเนียนเสมอกัน

ฉีดผิวขาว มีอันตรายจริงหรือ ?

การฉีดผิวไม่มีอันตรายต่อร่างกาน เพราะวิตามินที่ถูกฉีดผ่านเส้นเลือดนั้น คล้ายกับวิตามินหรือสารอาหารที่เรารับประทานเข้าไปนั่นเอง แต่หากเข้ารับบริการในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนฉีดผิวขาว ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้

ฉีดผิวขาว ครั้งเดียวก็พอ จริงหรือ ?

ต้องบอกว่า การฉีดผิวขาวให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีนั้นควรทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโดยทั่วไป สามารถฉีดวิตามินผิวได้ประมาณ 1 ครั้ง / สัปดาห์ ภายใต้การกำกับดูแลและคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด และควรทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาด และปลอดภัย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น หลังจากฉีดผิวขาวไปแล้วประมาณ 3-5 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน

ฉีดผิวขาว เหมาะหรือไม่เหมาะกับใครบ้าง ?

เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่อยากมีผิวพรรณขาวกระจ่างใส (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
  • ผู้ที่ร่างกายขาดวิตามิน หรือไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวเสียจากปัญหาต่าง ๆ เช่น แสงแดด ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย มีฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ผิวมัน รูขุมขนกว้าง

ไม่เหมาะกับใคร

  • หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
  • ผู้ป่วยโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคไต โรคมะเร็ง เบาหวาน

The post อยากผิวสวยต้องอ่าน ดริปวิตามินผิว ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล ? first appeared on Nitiponclinic.

]]>
อยากฉีดผิวขาวต้องรู้ ทำอย่างไรให้ผิวดูขาวใสได้นานๆ https://nitiponclinic.com/you-need-to-know-if-you-want-to-inject-white-skin/ Fri, 14 Jul 2023 09:22:47 +0000 https://nitiponclinic.com/?p=11271 เจาะลึกการฉีดผิวขาว ดีจริงไหม ทำไมคนถึงชอบฉีด การฉีดผิว […]

The post อยากฉีดผิวขาวต้องรู้ ทำอย่างไรให้ผิวดูขาวใสได้นานๆ first appeared on Nitiponclinic.

]]>
เจาะลึกการฉีดผิวขาว ดีจริงไหม ทำไมคนถึงชอบฉีด

การฉีดผิวขาวคือหนึ่งในหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมสูง ซึ่งเราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าคนไทยยังชื่นชอบการมีผิวสวย ขาวใส และดูสุขภาพดี ส่งผลให้หลายๆ คน ให้ความสนใจกับการรับบริการฉีดผิวขาว และการฉีดวิตามินผิว โดยทั้ง 2 อย่างนี้จะทำโดยการฉีดสารที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวเข้าไปทางเส้นเลือด เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยปรับสภาพผิวให้ขาวใส ลดจุดด่างดำ ไม่ว่าจะเป็นฝ้าหรือกระ และช่วยยังบำรุงผิวให้ดูสุขภาพดีมากขึ้น โดยทั่วไปมักเลือกใช้สารที่มีคุณสมบัติในการช่วยยับยั้งเม็ดสีเมลานินอย่างสารกลูต้าไธโอนเป็นหลัก

ฉีดผิวขาว / ฉีดวิตามินผิวปลอดภัยแค่ไหน ควรเลือกคลินิกอย่างไรดี

การฉีดผิวขาวยังไม่พบผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย เนื่องจากเป็นการเติมสารอาหารที่ร่างกายต้องการอยู่แล้ว ไม่ใช่สารแปลกปลอมอื่นๆ จึงทำให้ร่างกายสามารถนำไปใช้งานได้ เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และไม่มีการต่อต้านเกิดขึ้น โดยผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งแนะนำว่าควรฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ติดต่อกันอย่างน้อย 2 – 3 เดือนแรก และสามารถเว้นช่วงห่างเป็น 2 อาทิตย์ครั้งในเดือนถัดๆ ไป ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ แนะนำให้เข้ารับบริการจากคลินิกที่ได้มาตรฐาน รวมทั้งมีการดำเนินการฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์

หลังฉีดผิวขาวต้องดูแลตัวเองอย่างไร ถึงจะมีผิวขาวใสไปนานๆ

  1. หลีกเลี่ยงแสงแดดให้มากที่สุด
    หลังการฉีดผิวขาว ผิวของเราจะมีความไวต่อแสงแดดสูง หากเจอรังสี UV ในแสงแดดจะเกิดการระคายเคืองได้ง่าย และหมองคล้ำได้ไวยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อรักษาผิวให้ยังขาวกระจ่างใสได้นานๆ ควรพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการออกแดดให้ได้มากที่สุด เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่มี SPF50 PA+++ ขึ้นไปเป็นกประจำทุกวัน ก็จะช่วยให้ผิวของคุณขาวใส ไม่กลับมาคล้ำเสียเพราะแสงแดดอีก
  2. งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
    ใครเป็นสายปาร์ตี้อาจต้องห้ามใจกันหน่อย หลังจากฉีดผิวขาวมาแล้วควรงดการสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะสารเคมีต่างๆ จะเข้าสู่ร่างกาย และไปทำลายโครงสร้างผิว ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ดูโทรม มีริ้วรอยก่อนวัยอันควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเข้าไปทำลายสารอาหารผิวที่เพิ่งได้ฉีดเข้าไป ทำให้ไม่เห็นผลอย่างที่ตั้งใจ แต่ได้ผิวที่เสียกว่าเดิมไปแทน
  3. ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในแต่ละวัน
    หากเป็นไปได้ให้เลือกดื่มน้ำอุณหภูมิห้องให้ได้ปริมาณ 1 – 2 ลิตรต่อวัน เพื่อรักษาและเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวมีสุขภาพดี และยังสามารถช่วยในเรื่องของการหมุนเวียนวิตามินซีในร่างกาย เพื่อให้ผิวที่ฉีดมานั้นสว่างกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
  4. ผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอ
    อาทิตย์ละ 1-2 ครั้งในช่วงแรก โดยที่นิยมมักเป็น AHA (Alpha Hydroxy Acid) หรือ PHA (Poly Hydroxy Acid) สามารถทำให้ผิวหนังชั้นนอกหลุด และเซลล์ผิวหนังชั้นล่างจะทำการสร้างเซลล์ใหม่ที่แข็งแรงมาทดแทน เป็นการช่วยขจัดผิวคล้ำเสีย และลดจุดด่างดำ โดยจะทำให้เซลล์ผิวหนังที่เกิดขึ้นใหม่ขาวใสมากยิ่งขึ้น
  5. หากมีอาการบวม หรือแดง บริเวณที่ทำการฉีดผิวควรพบแพทย์ทันที

ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงการฉีดผิวขาว

  • กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ผู้ป่วยโรคตับและโรคไต
  • ผู้ป่วยโรคมะเร็ง
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
  • ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
  • ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของโลหิต
  • ผู้ที่มีภาวะดูดซึมธาตุเหล็ก
  • ผู้ที่ประวัติการแพ้วิตามินที่จะทำการฉีด
สนใจอยากมีผิวสวย เลือกฉีดผิวขาวใสกับนิติพลคลินิก

ที่นิติพลคลินิกเรามีเทคนิคการฉีดผิวขาว ฉีดวิตามินแบบพิเศษ ที่จะช่วยดูแลได้ทั้งผิวและสุขภาพไปพร้อมๆ กัน โดยมีให้เลือกหลากหลายสูตรเพื่อให้ตอบโจทย์และได้ผลลัพธ์ที่สามารถแก้ปัญหาผิวที่คุณเผชิญอยู่ได้อย่างตรงจุด ตามความต้องการและสภาพผิว ดำเนินการฉีดให้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงสามารถมั่นใจในความปลอดภัยได้อย่างแน่นอน แวะมานอนชิลล์ๆ พักร่างกายและสมองจากความอ่อนล้าพร้อมรับความเนียนใสของผิวที่นิติพล ติดต่อเราเพื่อขอรับคำปรึกษาจากคุณหมอโดยตรงได้เลยที่ Line Official: http://nav.cx/2DHY8Fa

The post อยากฉีดผิวขาวต้องรู้ ทำอย่างไรให้ผิวดูขาวใสได้นานๆ first appeared on Nitiponclinic.

]]>
ฉีดผิวขาว เห็นผลจริงไหม มีข้อดี – ข้อเสีย อย่างไรบ้าง https://nitiponclinic.com/whitening-injection/ Wed, 24 May 2023 02:46:06 +0000 https://nitiponclinic.com/?p=11235 ฉีดผิวขาว หนึ่งในวิธีการเสริมความกระจ่างใสที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน แต่การฉีดผิวขาวจะส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ฉีดได้บ่อยแค่ไหน แล้วใครบ้างที่ไม่ควรฉีด บทความนี้มีคำตอบให้

The post ฉีดผิวขาว เห็นผลจริงไหม มีข้อดี – ข้อเสีย อย่างไรบ้าง first appeared on Nitiponclinic.

]]>
ฉีดผิวขาว เป็นหนึ่งในการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะการจะทำให้ผิวขาว เปล่งปลั่งตามธรรมชาติอาจต้องใช้ทั้งเวลาและวิธีการที่วุ่นวาย ซับซ้อน ฉีดผิวขาวจึงเป็นเหมือนทางลัดเพื่อผิวสวย กระจ่างใส ดูสุขภาพดี แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำและจุดด่างดำ

แต่ก่อนที่จะตัดสินใจฉีดผิวขาว หลายคนก็อาจอยากทราบถึงรายละเอียดของการฉีดอยู่ไม่มากก็น้อย ทั้งสารที่ใช้ฉีดเพื่อช่วยให้ผิวขาว ผลกระทบต่อร่างกายหลังการฉีด การดูแลตัวเอง และใครบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงการฉีดผิวขาว เรามาดูรายละเอียดเหล่านี้ไปพร้อม ๆ กัน

ฉีดผิวขาวคืออะไร

การใช้สารต่าง ๆ อย่างวิตามิน กลูตาไธโอนและสารผสมที่จะช่วยให้ผิวพรรณผ่องใสฉีดเข้าสู่ร่างกายผ่านเส้นเลือดดำโดยตรง ทำให้ร่างกายสามารถยับยั้งการเกิดเม็ดสีเมลานิน ช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรงมากขึ้น ต้านอนุมูลอิสระและช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสังเคราะห์สารกลูตาไธโอนได้ตามธรรมชาติ ส่งผลให้ผิวจะดูกระจ่างใส เรียบเนียน ชุ่มชื่นและดูสุขภาพดีขึ้นมากกว่าที่เคยตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีดภายใน 3 วัน และจะเห็นผลอย่างชัดเจนภายใน 7-14 วัน

ฉีดผิวขาวอันตรายหรือไม่ ใครบ้างที่ไม่ควรฉีด

การฉีดผิวขาวจะอันตรายหากตัวยาที่ใช้ไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนจากองค์การอาหารและยา สถานพยาบาลหรือคลินิกไม่ได้มาตรฐาน แต่หากตัวยาและคลินิกได้รับมาตรฐานด้านความอย่างครบถ้วน ฉีดผิวขาวก็เป็นการเสริมความงามที่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย เพราะเป็นการเหมือนกลวิธีที่ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินคล้ายกับการรับประทานอาหารนั่นเอง

การฉีดผิวขาวด้วยวิตามินเหมาะสำหรับผู้ที่อยากฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่ควรฉีดผิวขาวได้แก่ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ในช่วงให้นมบุตร เคยแพ้สารที่ใช้ฉีด ผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน มีภาวะพร่องเอนไซม์ มีความผิดปกติของโลหิตหรือมีภาวะดูดซึมธาตุเหล็กมากผิดปกติ

ข้อควรรู้ก่อนและหลังฉีดผิว

ก่อนฉีดผิวขาว เราควรเตรียมร่างกายด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ แจ้งให้แพทย์ทราบถึงประวัติทางการแพทย์ ทั้งการแพ้ยาและโรคประจำตัวโดยละเอียด อีกทั้งยังควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดผิวและปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนรับการฉีดผิวขาวด้วย

เมื่อฉีดผิวขาวแล้ว เราควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ประคบเย็นหากมีรอยเข็ม รอยช้ำหรือรอยแดง หลีกเลี่ยงการเกา นวดหรือกระแทกในบริเวณที่ฉีด หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง หากต้องพบเจอแสงแดด ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 50++++ ขึ้นไปและสวมเสื้อคลุมผิว รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่อย่างเคร่งครัด

ฉีดผิวขาวมีผลข้างเคียงหรือไม่

หลังฉีดผิวขาวเราอาจรู้สึกวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้หรืออาเจียนหลังฉีดได้ และอาจหายใจลำบาก แน่นหน้าอก เกิดผื่นคัน หรือผิวไวต่อแดด บางรายอาจแพ้สารที่ได้รับจากการฉีดผิว ไตได้รับความเสียหาย ช็อก หรือเสียชีวิต ดังนั้น หากมีอาการบวมแดงในบริเวณที่ฉีดผิวขาว ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัย

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนแรก เราสามารถฉีดผิวขาวได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ส่วนเดือนที่ 3 และเดือนถัด ๆ ไปฉีดสามารถฉีดได้ 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง สามารถฉีดต่อเนื่องได้เรื่อย ๆ และไม่ต้องกังวลว่าหยุดฉีดผิวขาวแล้วจะทำให้ผิวแย่กว่าเดิม เพราะการฉีดวิตามินเป็นการดูแลจากภายใน หากหยุดฉีดก็จะไม่เป็นอันตราย เพียงแต่ผิวจะกลับมาสู่สภาพเดิมก่อนฉีดเท่านั้น

ทั้งนี้ หากสนใจฉีดผิวขาวด้วยวิตามิน อย่าลืมเข้ามาสอบถามกันได้ที่ นิติพลคลินิก เพราะเราเป็นคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน มีแพทย์มืออาชีพมากประสบการณ์ ราคาย่อมเยา ใช้วิตามินที่มีคุณภาพ สามารถฉีดได้อย่างปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายทั้งในระยะสั้นและในระยะยาวแน่นอน

The post ฉีดผิวขาว เห็นผลจริงไหม มีข้อดี – ข้อเสีย อย่างไรบ้าง first appeared on Nitiponclinic.

]]>
ดริปวิตามิน ดีจริงหรือ? https://nitiponclinic.com/%e0%b8%94%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%9b%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%99-%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%88%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b8%ad/ Wed, 13 Jan 2021 07:21:10 +0000 https://nitiponclinic.com/?p=10264 การดริปวิตามิน ดีจริงหรือ เติมวิตามินให้ผิวจนดูดีแล้ว ผ […]

The post ดริปวิตามิน ดีจริงหรือ? first appeared on Nitiponclinic.

]]>
การดริปวิตามิน ดีจริงหรือ

เติมวิตามินให้ผิวจนดูดีแล้ว ผิวจะดีแบบนี้ไปตลอดไหมคะ? อยู่ได้นานแค่ไหนคะ? อยู่ได้ตลอดเลยไหม?

เป็นคำถามที่ถามกันมาเยอะเลย สำหรับคนที่สนใจการเติมวิตามินผิวใสค่ะ เพราะอยากให้ผิวดีๆ อยู่ได้นานๆ
ถามว่าอยู่ได้ตลอดไหม? ตอบค่ะว่า “อยู่ได้ตลอดค่ะ…ถ้าเราดูแลตัวเองดีควบคู่ไปด้วยนะคะ”
เพราะผิวที่เนียนใสขึ้น สิ่งสำคัญคือการดูแลตัวเองอย่างดีทั้งตอนรับบริการและหลังรับบริการไปแล้วนะคะ…
ทาครีมบำรุงเสมอ ครีมกันแดดก็อย่าให้ขาดนะคะ แดดประเทศเราร้อนแรงนรกสั่งค่ะ และต้องเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่จะทำให้ผิวเรากลับไปหมองคล้ำอีก แค่นี้ผิวดีๆ ก็อยู่กับเราได้นานค่ะ


Vitamin Drip
การดริปวิตามิน

          การดริปวิตามิน เป็นการเติมวิตามิน เกลือแร่ แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ กรดอะมิโน ทางน้ำเกลือ ซึ่งร่างกายเราจะได้รับเต็มๆ นำไปใช้ประโยชน์ได้ดีกว่าการรับประทาน ช่วยทั้งในด้านการสุขภาพและความงามแล้วแต่สูตร


Detox VC เสริมสร้างเนื้อเยื่อ หลอดเลือด ภูมิต้านทาน การป้องกันโรค ลดเม็ดสี Melanin ชะลอวัย ช่วยให้ผิวขาวลูบไล้แล้วลื่นผิว

Detox Booster เสริมระบบเม็ดเลือด เนื้อเยื่อ หลอดเลือด ภูมิต้านทาน การป้องกันโรค ลดเม็ดสีเมลานิน ชะลอวัย ลดอาการอ่อนเพลียได้ดี เพิ่มพละกำลัง ความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า

Detox Cogtail ช่วยบำรุงเซลประสาท รักษาอาการเหน็บชา อาการอ่อนแรง คลื่นไส้ เวียนศีรษะ และบำรุงร่างกายทั่วไป ปรับสมดุลย์ภูมิคุ้มกัน เหมาะกับผู้ที่เจ็บป่วยบ่อย อ่อนเพลีย เรื่อรัง

Detox Intensive เสริมการสร้าง Glutathione ที่ผลิตขึ้นเองในร่างกาย และบำรุงเหมือน Detox Booster

Drip Vitamin

การดริปวิตามินได้ผลอย่างไร?

DETOX VC
Vitamin C Mega
Vitamin C
Detox Booster
Detox Cogtail
Detox Intensive
Detox Vitamin Therapy
ทำบ่อยแค่ไหน กี่ครั้งเห็นผล

          รับบริการ ทุก 7-14 วัน ไม่ควรทิ้งช่วงห่างเกินไป ทั้งนี้ ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ด้วย แต่ละครั้งใช้เวลานาน 45 นาที ทำประมาณ 3-5 ครั้ง ขึ้นไปจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการตอบสนองช้าเร็วแต่ละบุคคลด้วย

หยุดทำแล้วจะดำกว่าเดิมไหม

          หยุดทำแล้วไม่มีผลข้างเคียงใด หากได้รับการดูแลโดยแพทย์ ในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ส่วนจะกลับมาดำอีกไหม จะโทรมอีกไหมเป็นเรื่องของการดูแลตนเองในระยะต่อไปค่ะ หากกรำแดดลุยงานหนักอดนอนสูบบุหรี่จัด โทรมแน่ๆค่ะ

อยากมีผิวขาวใส ฟื้นฟูสุขภาพ IV Therapy ช่วยคุณได้

          การรักษาโดยให้วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ทางหลอดเลือดดำ ส่งผลโดยตรงต่อเซลล์ ในร่างกายผลชัดเจนกว่าการรับประทานสารอาหารไม่สูญเสียสารไประหว่างลำไส้ดูดซึม สารที่ฉีดเข้าไปทำงานได้เต็มศักยภาพ
          การเติมสารอาหาร มีทั้งวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพิ่มระดับพลังงาน และช่วยจัดการกับอาการเรื้อรังที่ไม่พึงประสงค์

Vitamin Drip

วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ
          การเติมวิตามินและแร่ธาตุจะช่วยเพิ่มพลังงาน ซ่อมแซมระบบเอ็นไซม์ในร่างกาย ช่วยให้ระบบประสาทระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น และยังให้ผลด้านความงาม ชะลอริ้วรอย สีผิวขาว ให้ดูอ่อนกว่าวัย ช่วยสร้างความกระปรี้กระเปร่า และเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงยิ่งขึ้น

ANTI AGING ต่อต้านความชรา
          การบริโภคอาหารที่มีคุณภาพต่ำ ความเครียด การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงขาดการออกกำลังกาย สูบบุหรี่ ดื่ม Alcohol ชากาแฟ การอดอาหารลดน้ำหนักและโรคเรื้อรังต่างๆนำไปสู่ความร่วงโรยก่อนวัยอันควร ผิวขาดความยืดหยุ่น ด้านสุขภาพทั่วไปคุณจะรู้สึก เบื่ออาหาร อาหารไม่ย่อย รู้สึกอ่อนล้า สมองไม่ปลอดโปร่ง ความจำและการตัดสินใจด้อยลง เป็นหวัดท้องเสียบ่อยขึ้น
          แม้คุณจะปรับตัวโดยเลือกรับประทานอาหารและบำรุงอาหารเสริมแล้วแต่ร่างกายก็อาจจะดูดซึมเอาวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นเอาไว้ได้น้อยไป IV Therapy จะตอบโจทย์การฟื้นฟูสุขภาพและผิวพรรณได้ดีกว่า

เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
          ร่างกายเรามีระบบภูมิคุ้มกันไว้ต่อสู้กับ เชื้อไวรัส แบคทีเรีย และสารพิษ เมื่อเราอายุมากขึ้น ประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันนี้ก็จะต่ำลง IV Therapy โดยการนำสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น ได้ไวกว่าอาหารเสริมชนิดรับประทาน

วิตามินซี
          วิตามินซี เสริมภูมิคุ้มกันต้านไวรัส และกำจัดเซลล์ไม่ดีที่เกิดขึ้น ช่วยตับกำจัดสารพิษ/สารอนุมูลอิสระ จึงเป็นตัว Detox ที่ดีมากตัวหนึ่ง การดีท็อกซ์นั้นช่วยทั้งป้องกันและรักษาสภาวะของร่างกาย รวมถึงช่วยคงความสดชื่นอ่อนเยาว์ให้ร่างกายได้อีกด้วย นอกจากนั้นผลการต้านอนุมูลอิสระยังใช้รักษาฝ้าได้ดี ทำให้สีผิวขาวขึ้นได้ด้วย

กลูตาไธโอน
          กลูตาไธโอน(glutathione) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เซลล์ในร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เอง ทำหน้าที่ในการปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยตับขจัดสารพิษ

กรดไลโปอิค
          กรดไลโปอิค เป็นสารแอนตี้อ็อกซิเดนท์ ที่ร่างกายสร้างขึ้นเองและพบในทุกเซลล์ ช่วยแปลงกลูโคสเป็นพลังงาน กรดอัลฟาไลโปอิคปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย ช่วยเสริมฤทธิ์สารแอนตี้อ็อกซิเดนท์ชนิดอื่นๆให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย

 


The post ดริปวิตามิน ดีจริงหรือ? first appeared on Nitiponclinic.

]]> ลดน้ำหนักอย่างไรให้หุ่นสวยพร้อมไปกับร่างกายที่แข็งแรง https://nitiponclinic.com/%e0%b8%a5%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%81-%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%9e%e0%b8%a5/ Mon, 11 Jul 2016 12:32:31 +0000 https://nitiponclinic.com/?p=7036

“ลดน้ำหนัก” ใครว่าต้องดูที่ตัวเลขบนตาชั่งเพียงอย่างเดียว?

สำหรับคนที่มีรูปร่างอ้วนท้วน  ตัวใหญ่  หรือแม้แต่สาวๆ  ในปัจจุบันนั้น  ความปรารถนาสูงสุดก็คงจะหนีไม่พ้นการมีหุ่นสวย  ผอมเพรียว  ใครๆ มองเห็นก็ต้องพากันเหลียวหลังมองกันแบบไม่ละสายตาแน่ๆ  หลายต่อหลายคนก็ตั้งหน้าตั้งตาที่จะลดน้ำหนักด้วยสารพัดวิธีที่จะคิดได้   เพราะคงไม่มีใครที่อยากจะถูกล้อเลียนว่าอ้วน  หรือเจอหน้ากันก็ถูกทักว่า  “อ้าว  ไม่เจอกันนานเลย  ไปทำอะไรมา  ดูอ้วนขึ้นนะ!!”  (คำว่าอ้วน  กลายเป็นคำทักทายไปแล้วเหรอ??)

บางคนเลือกจะอดอาหาร  หรือกินให้น้อยลงกว่าปกติ

บางคนก็ไม่กินอาหารที่มีส่วนผสมของแป้ง  น้ำตาล  หรือไขมันอะไรเลย

บางคนก็มุ่งจะลดเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่ง  ก็ออกกำลังกายมันแค่เพียงจุดเดียว

คุณคิดว่าวิธีที่กล่าวมานั้นเป็นวิธีที่ถูกต้องแล้วจริงๆ  หรือ??

การลดน้ำหนักในความเข้าใจของใครหลายคนอาจหมายถึง  “การทำให้ตัวเลขบนตาชั่งลดลง”  แต่ในความเป็นจริงแล้วการลดน้ำหนักที่ถูกต้องนั้นไม่ใช่การมุ่งเป้าหมายไปที่ตัวเลขบนตาชั่งเสมอไป

อ่านไม่ผิดนะ  “การลดน้ำหนักที่ถูกต้องนั้น  เราไม่ควรจะมุ่งเป้าหมายไปที่ตัวเลขบนตาชั่งเสมอไป”

ทำความเข้าใจกับความอ้วนก่อน

ความอ้วน  (Fat)  เป็นภาวะที่ร่างกายมีปริมาณไขมันเกินกว่าปกติ  ส่งผลทำให้ร่างกายมีน้ำหนักที่เกินจากมาตรฐาน   ความอ้วนนั้นมีด้วยกันหลากหลายสาเหตุ  ซึ่งในที่นี้จะขอกล่าวถึงความอ้วนที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมของตัวเองเป็นหลักก่อน  เพราะถือเป็นความอ้วนพื้นฐานที่หลายคนเป็นกัน

โดยปกติเมื่อเรารับประทานอาหารเข้าสู่ร่างกาย  อาหารเหล่านั้นจะถูกนำไปเผาผลาญเพื่อเป็นพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันของเรา  ซึ่งถ้าหากไม่ได้ถูกเผาผลาญเป็นพลังงานไปจนหมดแล้ว  อาหารเหล่านั้นก็จะถูกแปรสภาพเป็นไขมันและถูกส่งไปตามส่วนต่างๆ  ของร่างกายของเรา  เช่น  หน้าท้อง  แขน  ขา  สะโพก  บั้นท้าย  เพื่อเก็บเป็นพลังงานสำรองให้กับร่างกาย  พลังงานสำรองในรูปของไขมันเหล่านี้เองที่หากสะสมไปเรื่อยๆ  โดยไม่ได้ถูกนำไปใช้  ก็จะยิ่งพอกพูนขึ้นจนกลายเป็นความอ้วนในที่สุด

ความอ้วนเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ  ที่บั่นทอนให้สุขภาพของเราถดถอยลง  เช่น  โรคเบาหวาน  โรคความดันโลหิตสูง  โรคหัวใจ  ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง  รวมถึงอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งบางชนิดอีกด้วย

เรียกว่าความอ้วนนอกจากจะทำให้หมดหล่อหมดสวยแล้ว  ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เราอายุสั้นได้ด้วยสารพัดโรคเลยทีเดียว

แยกให้ออกระหว่าง  “ลดน้ำหนัก” กับ  “ลดไขมัน”

สำหรับคนที่ตั้งใจจะลดน้ำหนักแล้ว  ส่วนใหญ่มักจะตั้งเป้าหมายที่การลดตัวเลขบนตาชั่งให้น้อยลง  จึงมักนำไปสู่การลดน้ำหนักแบบผิดๆ  ทั้งการอดอาหาร  ไม่กินแป้งหรือไขมันเลย  จนไปถึงการออกกำลังกายให้เหงื่อโชก  ด้วยความเชื่อที่ว่าการทำสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้

วิธีเหล่านี้อาจทำให้น้ำหนักลดลงได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น  เพราะสิ่งที่ลดลงไปคือ  “น้ำในร่างกาย”  ซึ่งเมื่อเราดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารเข้าไป  น้ำหนักก็จะกลับมาเท่าเดิม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารนั้นนอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพแล้ว  จะยิ่งทำให้ลดน้ำหนักได้ยากอีกด้วย  เพราะร่างกายจะทำการสงวนพลังงานของร่างกายไว้  ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ต่ำลง  ทำให้เราเหนื่อยง่าย

ดังนั้น  เราจึงต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการลดน้ำหนักที่ถูกต้องคือ  “การลดไขมันส่วนเกิน”  เพราะหากลองสังเกตดูจะพบว่า  คนที่ลดน้ำหนักอย่างผิดวิธีกับคนที่ลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีนั้น เมื่อนำมาชั่งน้ำหนักจะพบว่า (ตามภาพด้านล่าง)   แม้คนแรกนั้นจะมีน้ำหนักตัวเบากว่าคนที่สอง  แต่คนที่สองกลับมีรูปร่างที่กระชับสมส่วนดูดีกว่า

ทำไมเป็นเช่นนั้น?

ร่างกายประกอบไปด้วยน้ำ  ไขมัน  กล้ามเนื้อ  อาหารที่เรากินเข้าไป  และของเสียต่างๆ  สังเกตดูง่ายๆ ว่าเมื่อเรากินอาหารหรือดื่มน้ำเข้าไปสัก 2-3 แก้ว  น้ำหนักของเราก็ขึ้นได้อย่างรวดเร็ว  พอเราระบายสิ่งที่กินเข้าไปออกมาทั้งในรูปของอุจจาระ  ปัสสาวะ  หรือเหงื่อ  น้ำหนักของเราก็ลดลงไปได้เช่นกัน  แต่สิ่งที่ไม่ได้ลดไปด้วยคือไขมันที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เราอ้วนนั่นเอง

จากภาพนี้จะเห็นว่า  ไขมันหนัก 1 กิโลกรัม  กับ กล้ามเนื้อหนัก 1 กิโลกรัม มีความแตกต่างของขนาดมวลอย่างเห็นได้ชัด  ทั้งที่มีน้ำหนักที่เท่ากัน  จึงแสดงให้เห็นว่าคนที่มีน้ำหนักตัวมากก็ใช่ว่าจะเป็นคนอ้วนเสมอไป  เพราะแม้น้ำหนักบนตาชั่งจะบอกว่าคนๆ นั้นมีน้ำหนักมาก  แต่น้ำหนักเหล่านั้นอาจเป็นน้ำหนักของกล้ามเนื้อซึ่งมีประโยชน์มากกว่าก็ได้  ในขณะที่ไขมันที่น้ำหนักเท่ากันแต่มีความหนาของมวลที่มากกว่า  จึงทำให้ร่างกายของคนที่มีไขมันสะสมเป็นจำนวนมากดูอ้วนและใหญ่โตกว่าคนทั่วไป

ตอนนี้เราต้องลองมาทบทวนแล้วว่า  “เรากำลังลดน้ำหนักหรือลดไขมันส่วนเกินกันแน่??”

ลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีง่ายๆ ทำได้ไม่ยาก

จากที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นว่าทำไมคนที่มีน้ำหนักมากกว่ากลับมีหุ่นที่ผอมเพรียมกระชับได้  แสดงให้เห็นการลดน้ำหนักที่ถูกต้องนั้นไม่ใช่เพียงแค่ทำให้ตัวเลขบนตาชั่งลดลง  แต่จะต้องให้ความสนใจที่การลดไขมันส่วนเกินมากกว่า  จึงอยากนำเสนอด้วยหลักการง่ายๆ แค่ 3 ข้อ

1. กินให้เป็น

การกินถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิตของเรา  และเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เราอ้วนด้วยเช่นกัน  ถ้าหากเรากินอาหารเกินกว่าที่ร่างกายจะนำไปใช้เป็นพลังงานในแต่ละวัน  อาหารส่วนเกินก็จะแปรสภาพกลายเป็นไขมันตัวร้ายที่จะสะสมอยู่ในร่างกาย

หลายคนมักเลือกที่จะลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร  ลดสัดส่วนของอาหารลง  ตัดอาหารบางมื้อไปเลย  หรือก็เลือกที่จะไม่กินแป้ง  ไม่แตะน้ำตาล  ไม่เบิกบานกับอาหารที่มีไขมันใดๆ เลย  ซึ่งเป็นวิธีที่เกือบจะถูกต้องแล้ว  แต่ไม่ถูกต้องทั้งหมด

การลดน้ำหนักนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการกิน  เพราะ ความสำเร็จของการลดน้ำหนักนั้นอยู่ที่การควบคุมนิสัยการกินมากกว่า  70% ส่วนการออกกำลังกายเป็นตัวช่วยเสริมเพียงแค่  30% ดังนั้นการวางแผนการกินจึงเป็นเรื่องที่ต้องทำก่อนเป็นอันดับแรกสำหรับคนที่คิดจะเริ่มลดน้ำหนักแบบจริงจัง

มีหลักจำง่ายๆ แค่นี้  “ห้ามอด  ห้ามงด  แค่ควบคุมให้ได้สัดส่วนพอเหมาะ”

เพราะร่างกายของเราต้องการสารอาหารที่จำเป็นครบทั้ง 5 หมู่  เพื่อให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ  การอด  งด  หรือตัดอาหารบางอย่างไปเลยจะทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติ  เช่น  บางคนที่ไม่กินแป้งเลย  ร่างกายก็จะขาดสารคาร์โบไฮเดรตที่เป็นพลังงานสำคัญในการทำกิจกรรมต่างๆ แล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปออกกำลังกาย?

หรือบางคนที่ไม่กินอาหารมันๆ เลย  เพราะถือคติว่า  “ไขมันคือศัตรูตัวฉกาจ”  รู้หรือไม่ว่าอาจเสี่ยงต่อการขาดวิตามินสำคัญ  คือ  วิตามิน  A  D  E  และ  K  เพราะวิตามินเหล่านี้จำเป็นต้องละลายในไขมันเท่านั้นจึงจะสามารถนำไปใช้กับร่างกายได้ กลายเป็นเลี่ยงไขมันแต่ขาดสารอาหารแทน!!

วิธีการเหล่านี้แม้จะทำให้น้ำหนักลดลงไปได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง  แต่หลังจากนั้นเมื่อกลับมากินอาหารแบบปกติก็จะกลับมาอ้วนอีกเช่นเดิม  ที่เรียกกันว่า  “โยโย่ (Yoyo Effect)”  ซึ่งเป็นภาวะที่น้ำหนักของร่างกายขึ้นอย่างรวดเร็ว  อันเป็นผลจากการลดน้ำหนักที่ผิดวิธีจนทำให้ความสมดุลของระบบต่างๆ ในร่างกายเกิดความผิดปกติ เมื่อเรากลับมากินอาหารและใช้ชีวิตแบบเดิมก็ทำให้น้ำหนักที่เคยลดไปพุ่งกลับขึ้นมาอีก (หรือหนักยิ่งกว่าเดิม)  เหมือนกับที่เราเล่นลูกดิ่งโยโย่  ยิ่งเหวี่ยงลงพื้นแรงเท่าไรก็จะพุ่งกลับมาเร็วเท่านั้น

ดังนั้น  การกินอาหารเพื่อลดน้ำหนักนั้นจึงควรเป็นการควบคุมสัดส่วนของอาหารที่จะกินให้เหมาะสม  คำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน  และในปริมาณที่พอเหมาะไม่มากเกินไป  จะเป็นผลดีกับสุขภาพของตนเองมากกว่าการอดหรืองดไปเลย

สำหรับใครที่กลัวกับการกินอาหารจำพวกแป้ง  ก็สามารถปรับเปลี่ยนมากินแป้งที่ไม่ผ่านการขัดขาว  เช่น  แป้งโฮลวีต  ข้าวกล้อง  ข้าวซ้อมมือ  เผือก  มัน  เพราะถือว่าเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่มีแร่ธาตุและวิตามินอื่นๆ ที่ดีสุขภาพ  ร่างกายต้องใช้เวลานานขึ้นในการย่อยเป็นพลังงานให้กับร่างกาย  จึงช่วยให้หิวช้าขึ้นด้วย  และควรควบคู่ไปกับการลดการบริโภคน้ำตาลด้วยก็จะดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ก็ควรหันมากินแต่ไขมันชนิดดี (HDL : High-Density Lipoproteins) แทนไขมันทั่วไป  ซึ่งจะคอยกวาดจับไขมันที่เกาะตัวอยู่ตามเส้นเลือดก่อนจะส่งไปที่ตับและขับออกมากับน้ำดี  เช่น  น้ำมันมะกอก  น้ำมันมะพร้าว  น้ำมันข้าวโพด  น้ำมันตับปลา  น้ำมันเมล็ดฟักทอง  น้ำมันถั่วเหลืองแทนได้  แต่ต้องบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ  ไม่มากจนเกินไป

การเลี่ยงที่จะกินของทอด  ของมัน  หรือของหวาน  ยังถือเป็นสิ่งที่ทำได้หากต้องการจะลดน้ำหนัก  ทั้งนี้อาจปรับเปลี่ยนมากินอาหารประเภทต้มหรือนึ่งแทน  ของหวานที่เป็นขนมทั้งหลายก็อาจเปลี่ยนมาเป็นการกินผลไม้แทน  เช่น  หันมากินสัปปะรดแทนขนมหวานในมื้อเที่ยง  ก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์  อร่อย  และไม่ต้องกลัวอ้วนด้วย

ที่สำคัญอีกอย่างคือ  ต้องดื่มน้ำบ่อยๆ เฉลี่ยประมาณ  3 ลิตรต่อวัน  เพราะน้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญของการเผาผลาญในร่างกายของเรา  ช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ

2. ออกกำลังกายให้เหมาะ

การออกกำลังกายนับเป็นวิธีสำคัญที่จะหลีกเลี่ยงไปไม่ได้  เลิกความคิดไปได้เลยว่าจะลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารอย่างเดียว  เพราะจะทำให้การลดน้ำหนักของเราทำได้ยาก  และลดได้ช้าเข้าไปอีก  แต่หลายคนยังไม่เข้าใจว่าการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายที่เหมาะสมนั้นควรทำอย่างไร?

การออกกำลังกายที่เหมาะสมนั้นควรเป็นลักษณะของการควบคู่กันของการเล่นเวท (Weight Training)  คือ  การออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงต้านเพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ  เช่น  การยกน้ำหนัก  การซิทอัพ  การลุกนั่ง  การวิดพื้น  และคาร์ดิโอ  (Cardio) คือ  การออกกำลังกายที่เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและระบบหายใจของปอด  เผาผลาญไขมันในร่างกาย  เช่น  การวิ่ง  ปั่นจักรยาน  ว่ายน้ำ  แอโรบิก

ทำไมต้องออกกำลังกายทั้งสองแบบควบคู่กันไป?  ทำแค่อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้เหรอ?

การเล่นเวทเป็นสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้ในการลดน้ำหนัก  เพราะการเล่นเวทจะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อซึ่งมีส่วนสำคัญในการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย  ทั้งพลังงานที่เรากินเข้าไปในรูปของอาหารและพลังงานสำรองที่อยู่ในรูปของไขมันที่อยู่ในร่างกายของเรา  ซึ่งกล้ามเนื้อจะต้องเผาผลาญอยู่ตลอดเวลาเพื่อรักษาสภาพไว้  ยิ่งมีกล้ามเนื้อมากร่างกายก็จะยิ่งเผาผลาญมากขึ้นไปด้วย

หมายความว่า  “หากเรามีมวลกล้ามเนื้อมาก  แม้เราอยู่เฉยๆ  ก็สามารถเผาผลาญไขมันได้เอง  และยังกินอาหารได้มากขึ้นด้วย”

สำหรับสาวๆ ที่กลัวว่าการเล่นเวทจะทำให้แขนหรือขาใหญ่ขึ้นนั้น  บอกตรงนี้เลยว่าเป็นไปได้ยากมาก  เพราะฮอร์โมนที่ใช้ในการสร้างกล้ามเนื้อของผู้หญิงนั้นมีอยู่น้อยกว่าผู้ชาย  การจะเล่นเวทให้มีกล้ามใหญ่แบบที่ผู้ชายทำได้นั้นจึงทำได้ยากกว่ามาก  ต้องใช้เวลาที่นานกว่า  ผู้หญิงจึงสามารถเล่นเวทได้อย่างไม่มีปัญหา

ขณะเดียวกัน  การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอยังเป็นตัวช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันในร่างกายให้เร็วขึ้นด้วย  และยังทำให้การสูบฉีดโลหิตและระบบการหายใจของเราทำงานได้อย่างดีด้วย  เช่น  การวิ่งเหยาะๆ ประมาณ 20-30 นาที  การเต้นแอโรบิก  ซึ่งออกกำลังกายแบบทำคาร์ดิโอนั้นควรอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ  สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นนั้นควรเริ่มจากกิจกรรมง่ายๆ เช่น  การเดินเร็ว  เป็นต้น

ในการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักนั้น  ควรยืดคลายกล้ามเนื้อและอบอุ่นร่างกาย  และเริ่มจากการเล่นเวทก่อนประมาณ  20-30 นาที  และต่อด้วยคาร์ดิโออีกประมาณ  30-40 นาที  จากนั้นจึงยึดคลายกล้ามเนื้อและพักให้หายเหนื่อย  โดยควรออกกำลังกายไม่ต่ำกว่าครั้งละ  45-60 นาที  และไม่ควรออกกำลังกายหักโหมจนเกินไป  เพราะร่างกายอาจได้รับบาดเจ็บได้

3. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนั้นมีส่วนช่วยให้การลดน้ำหนักของเราประสบความสำเร็จได้  (ไม่ใช่เพราะตอนนอนหลับเราหยุดกินหรอกนะ  ฮ่าๆๆๆๆ)  แต่เพราะในช่วงที่เรานอนหลับนั้นร่างกายจะหลั่ง “โกรว์ทฮอร์โมน  (Growth Hormones)” ที่จะทำหน้าที่ดึงเอาโปรตีนที่เรากินจากอาหารไปสร้างและซ่อมแซมร่างกายของเรา  ช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรง  เกิดการสร้างมวลกล้ามเนื้อที่จำเป็นต่อการเผาผลาญพลังงาน  (ตามที่กล่าวไปในข้างต้น)

ผลเสียสำคัญของการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอที่ส่งผลต่อรูปร่างของเรา  คือ  เมื่อเรานอนหลับไม่พอ  ฮอร์โมนในร่างกายจะเกิดความผิดปกติ  ส่งผลให้การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายรวน  เช่น  หิวบ่อยขึ้น  ทำให้เรากินมากขึ้นโดยรู้สึกอิ่มช้าลง  เราจึงเผลอกินจนเกินกว่าที่ร่างกายจะเผาผลาญได้หมด  จึงเกิดการสะสมเป็นไขมันในร่างกาย  และกลายเป็นโรคอ้วนในที่สุด

ดังนั้น  เราจึงควรจัดสรรเวลาเพื่อการนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่  ประมาณ 6-9 ชั่วโมง / วัน  และไม่ควรปรับเปลี่ยนเวลานอนโดยไม่จำเป็น  เพราะการที่ร่างกายต้องปรับตัวเพื่อปรับเปลี่ยนเวลานอนบ่อยครั้ง  จะส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกายเช่นกัน  แต่หากใครมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเวลานอน  อาจแก้ไขด้วยการดูแลตัวเองในส่วนอื่นๆ เพิ่มขึ้น  เช่น  กินอาหารที่มีประโยชน์  ออกกำลังกายเป็นประจำ  ก็จะช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงได้เช่นกัน

เลือกเทคโนโลยีทางการแพทย์มาช่วยลดน้ำหนัก

ปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางการแพทย์  จึงได้มีการพัฒนารูปแบบการดูแลร่างกายสำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน  มีตั้งแต่การให้คำปรึกษา  การใช้ยาหรือสารต่างๆ เพื่อช่วยในการเผาผลาญไขมันส่วนเกินให้ดียิ่งขึ้น  จนไปถึงการผ่าตัดเพื่อดูดไขมันหรือการผ่าตัดตกแต่งกระเพาะอาหารใหม่ในรายที่มีความผิดปกติของน้ำหนักตัวมาก

อย่างไรก็ตาม  มีคนจำนวนไม่น้อยที่เลือกวิธีการดูแลรูปร่างอย่างผิดๆ เช่น  การใช้ยาลดน้ำหนักที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่ผ่านการวินิจฉัยของแพทย์  ซึ่งส่งผลเสียกับร่างกายจนถึงแก่ชีวิตเลยทีเดียว  ดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกเทคโนโลยีทางการแพทย์ใดๆ เพื่อมาดูแลรูปร่างของเรานั้น  ควรพิจารณาความน่าเชื่อถือของสถานที่และแพทย์ที่ตนเข้าไปรับบริการ  รวมถึงการรักษาของแพทย์นั้นว่ามีความเหมาะสมกับตัวเองมากน้อยอย่างไรด้วย

การลดน้ำหนักให้ถูกวิธีนั้นสามารถทำได้ไม่ยากเกินไป  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องมีวินัยในตนเองให้มาก  ต้องปฏิบัติตนตามแผนการควบคุมน้ำหนักที่วางไว้อย่างเคร่งครัด  กิน  ออกกำลังกาย  พักผ่อนให้เหมาะสม  ซึ่งการลดน้ำหนักแบบนี้อาจไม่ทำให้น้ำหนักลดลงรวดเร็ว  แต่น้ำหนักที่ลดลงไปจะไม่กลับมารบกวนใจเราแน่นอน  ขอแค่เรายึดคติที่สำคัญที่ว่า  “วินัยและหัวใจล้วนๆ”

แล้วหุ่นสวย  กระชับ  ผอมเพรียว  และสุขภาพที่ดีจะอยู่กับเราไปตลอด

บทความโดย  นิติพล คลินิก

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ลดไขมันเฉพาะส่วน Carboxy Therapy

ขาใหญ่ทําไงดี หยุดขาใหญ่ แขนย้วย ด้วย Super Slim

The post ลดน้ำหนักอย่างไรให้หุ่นสวยพร้อมไปกับร่างกายที่แข็งแรง first appeared on Nitiponclinic.

]]>
ฉีดผิวขาวที่ไหนดี แนะนำ Vitamin Program https://nitiponclinic.com/vitamin-program-%e0%b8%89%e0%b8%b5%e0%b8%94%e0%b8%9c%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b5/ Wed, 23 Dec 2015 09:20:07 +0000 https://nitiponclinic.com/?p=2322

ฉีดผิวขาวที่ไหนดี ที่จะขาวธรรมชาติ ผิวสวย ดูมีสุขภาพดี

วิตามินเป็นหนึ่งในสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการ เพื่อช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายของเรานั้นสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในด้านความงามนั้นวิตามินมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดีเปล่งปลั่งได้ โดยเฉพาะ วิตามินซี ที่คุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวให้กระจ่างใส เพิ่มความต้านทานแสงแดดให้กับผิว ลดอาการอักเสบและรักษาบาดแผล และมีส่วนช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสได้อย่างเป็นธรรมชาติ (ฉีดผิวขาวที่ไหนดี)

Vitamin Program ที่นิติพลคลินิกเป็นการในวิตามินซีบริสุทธิ์ที่ใช้ในวงการแพทย์มาประยุกต์ใช้เพื่อกระตุ้นให้ผิวกระจ่างใสมีออร่า ผิวมีสุขภาพดี เสริมความยืดหยุ่นของหลอดเลือดใต้ผิว ลดการทำงานของเซลล์สร้างสีผิวทำให้เม็ดสีเมลานินที่มีสีเข้มจางลง เพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจนใต้ผิวทำให้ผิวยืดหยุ่น ส่งเสริมการทำงานของอวัยวะภายในให้แข็งแรงขึ้น และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอีกด้วย

บริการของ Nitipon Clinic

The post ฉีดผิวขาวที่ไหนดี แนะนำ Vitamin Program first appeared on Nitiponclinic.

]]>
Whitening Program ปรับผิวขาว https://nitiponclinic.com/iv-theraphy-%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%9c%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b9%83%e0%b8%aa/ Thu, 03 Dec 2015 07:21:15 +0000 http://lbkth.com/project/corporate/?p=1439 Whitening Program ปรับผิวขาว ผิวหมองคล้ำทั้งตัว แก้ไขได […]

The post Whitening Program ปรับผิวขาว first appeared on Nitiponclinic.

]]>
Whitening Program ปรับผิวขาว

ผิวหมองคล้ำทั้งตัว แก้ไขได้ด้วย Whitening program ปรับผิวขาวได้ทั่วเรือนร่าง และยังเสริมฤทธิ์การรักษาฝ้า ผิวหน้าให้ Treatment Laser เห็นผลชัดขึ้นได้อีก

Whitening Program
Whitening Program
Whitening Program

The post Whitening Program ปรับผิวขาว first appeared on Nitiponclinic.

]]>
Super Slim ลดไขมันเฉพาะส่วน https://nitiponclinic.com/dilution-thighs-arms-super-slim-%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%8d%e0%b9%88%e0%b8%97%e0%b9%8d%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%87%e0%b8%94%e0%b8%b5/ https://nitiponclinic.com/dilution-thighs-arms-super-slim-%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%8d%e0%b9%88%e0%b8%97%e0%b9%8d%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%87%e0%b8%94%e0%b8%b5/#respond Tue, 03 Nov 2015 18:05:27 +0000 http://lbkth.com/project/corporate/?p=599 Super Slim ลดไขมันเฉพาะส่วน         […]

The post Super Slim ลดไขมันเฉพาะส่วน first appeared on Nitiponclinic.

]]>
Super Slim ลดไขมันเฉพาะส่วน

          ไม่ต้องศัลยกรรมดูดไขมัน เราก็กำจัดไขมันส่วนเกินได้ด้วย Super Slim สารละลาย Carbohydrate Nano เกลือ Sodium จะเปิดประตู Cell ให้การขับไขมันออกจากตัวเราเป็นเรื่องง่ายๆ

Super Slim

Super Slim ต่างจาก Mesofat อย่างไร

Mesofat สารละลายไขมัน มีส่วนประกอบหลายอย่างผสมกัน เช่น
– L-carnitine เผาผลาญไขมันเป็นพลังงาน
– Phosphatidylcholine สลายไขมันด้วย lipase enzyme ลดทั้ง Cholesterol และ Triglyceride
– Peptides สลายไขมันและกระชับผิว ไม่ให้หย่อนคล้อย


ส่วน Super Slim ส่วนประกอบจะเป็น Carbohydrate และเกลือ Sodium เข้มข้น ซึ่งไม่ใช่สารแปลกปลอมต่อเนื้อเยื่อเราเมื่อถูกดูดซึม จึงถือว่ามีความปลอดภัยกว่า ออกฤทธิ์ ผ่าน Membrane channel ให้เพิ่มการเผาผลาญ และให้ผนัง cell แตกตัว

Super Slim

ทั้ง Super Slim และ Mesofat ใช้ลดไขมันร่างกายส่วนที่มากเกิน หน้าท้อง ท้องแขน เอว ต้นขา

   

 

Super Slim

ดูดไขมัน เทียบกับการฉีดสลายไขมัน
          ศัลยกรรมดูดไขมันมีบาดแผล บวมหลังผ่าตัดนานต้องพักฟื้น มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากการศัลยกรรมสูงกว่า ส่วนการสลายด้วย Super Slim เป็นการรักษาแบบค่อยเป็นค่อยไป แม้จะลดช้ากว่าแต่ก็สังเกตความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งคนส่วนใหญ่ชอบมากกว่า ค่าใช้จ่ายก็ประหยัดกว่าศัลยกรรมหลายเท่าตัว
          มีคนกล่าวว่าศัลยกรรมดีกว่าเพราะเอา cell ไขมัน ออกไปเลย ไม่กลับมาพองอีกซึ่งไม่จริง การฉีด Super Slim ก็คือการทำลาย cell ไขมัน เช่นเดียวกับการผ่าตัด เมื่อลดลงแล้วการคุมอาหารและออกกำลังกายมีความจำเป็นอย่างยิ่ง จะผ่าหรือไม่ผ่าถ้าปล่อยให้น้ำหนักขึ้น Cell ไขมันก็สร้างขึ้นมาใหม่ได้เช่นกันทุกวิธี

SUPER SLIM ขจัดเซลลูไลท์อย่างตรงจุด
          Super Slim จะตรงเข้าสลายไขมันเฉพาะส่วนที่สะสมในไขมันชั้นลึกได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผนังไขมันแตกตัวออก ไขมันที่เคยจับตัวกันเป็นก้อน สลายออกเป็นไขมันเหลว หรือ Lipid Fat แล้วถูกขับออกทางปัสสาวะ ด้วยวิธีทางการแพทย์ที่ได้ผลอย่างตรงจุด หลังทำอาจมีเพียงอาการฟกช้ำเพียงไม่นานก็หาย แถมใช้เวลาในการทำน้อย เพียงแค่ 1 ครั้ง/สัปดาห์ เท่านั้น ก็จะเห็นผลได้อย่างชัดเจน

สลิม…ได้ทุกส่วน
1. หน้าท้อง นิยมทำกันมากที่สุด
2. แขน ขาเรียวเล็กลง ผิวไม่หย่อนคล้อย
3. แผ่นหลังที่หนา เอว

Super Slim
ปฏิบัติตัวอย่างไร หลังทำ Super Slim
1. ดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร จะช่วยให้ไขมันเหลวที่โดนสลายจากการทำ Super Slim ถูกขับออกทางปัสสาวะได้ดียิ่งขึ้น
2. หากทำควบคู่ไปกับ RF จะยิ่งช่วยรีดไขมันให้ออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น กล้ามเนื้อกระชับขึ้น หมดปัญหาผิวหย่อนคล้อย
3. ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เช่น เดินเร็ว โยคะ หรือเต้นแอโรบิก วันละครึ่งชั่วโมง อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อให้กล้ามเนื้อกระชับ ช่วยรีดไขมันให้ออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น และลดการสะสมของไขมันใหม่
4. มีวินัยในการรับประทานอาหาร ควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมอย่าให้มีไขมันใหม่มาสะสมได้อีก

Super Slim
Super Slim

          นับเป็นวิธีการขจัดไขมันส่วนเกินที่ได้ผลเร็ว อีกทั้งช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต และระบบต่อมน้ำเหลือง ขจัดเซลลูไลท์ ยกกระชับผิวได้อย่างตรงจุด โดยไม่ต้องผ่าตัดดูดไขมัน ช่วยให้เนื้อเยื่อโดยรอบแข็งแรงขึ้น ผิวจึงยกกระชับ ลืมคำว่า ต้นขาใหญ่ แขนย้วย ไปได้เลยค่ะ เสื้อผ้าชุดไหนที่เค้าว่าเก๋…เริ่ด คว้ามาใส่ได้โดยไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป

Super Slim

The post Super Slim ลดไขมันเฉพาะส่วน first appeared on Nitiponclinic.

]]>
https://nitiponclinic.com/dilution-thighs-arms-super-slim-%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%8d%e0%b9%88%e0%b8%97%e0%b9%8d%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%87%e0%b8%94%e0%b8%b5/feed/ 0